องคมนตรี ติดตามการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ติดตามข่าว ประจวบโพสต์
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ลงพื้นที่ติดตามและขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้งที่โรงสีข้าวพระราชทาน  วัดอุดมพลาราม อ่างเก็บน้ำยางชุม และโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

                            ประจวบคีรีขันธ์-วันที่ 17 ธันวาคม 2563 พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง นายลลิต ถนอมสิงห์ รองเลขาธิการ กปร. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปติดตามการดำเนินงานโครงการอ่างเก็บน้ำยางชุมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  โดยมีนายพัลลภ สิงหเสนี  ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์,นายชาตรี จันทร์วีระชัย  รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายอานนท์ พร้อมเพรียง นายอำเภอกุยบุรี  พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  เกษตรกร นักเรียน ประชาชนร่วมต้อนรับ

                         โดยช่วงเช้าวันนี้ องคมนตรี พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการฯ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปเยี่ยมชมสหกรณ์การเกษตรโรงสีข้าวพระราชทานอ่าวน้อยจำกัด   ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานเครื่องสีข้าว ขนาด 45แรงม้า สีข้าวได้ 16 เกวียน ต่อ 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นประโยชน์แก่ชุมชนในพื้นที่  จากนั้นได้เดินทางไปยังวัดอุดมพลาราม หรือวัดไร่บน ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์และสามเณร จำนวน 25 รูป และรับฟังประวัติความเป็นมาของวัด พร้อมกับชมการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้มาช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นบริเวณวัดอุดมพลาราม  อันได้แก่ การป้องกันการกัดเซาะตลิ่งแบบเรียงหิน โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง รวมถึงการขยายผลโครงการอ่างเก็บน้ำยางชุมอันเนื่องมาจากพระราชดำริในการส่งน้ำ เพื่อช่วยเหลือราษฎร  พร้อมกันนี้ องคมนตรี ได้ปลูกต้นไทร เพื่อสร้างร่มเงาและร่มเย็นให้กับประชาชนต่อไปด้วย

                          จากนั้นเดินทางไปยังแปลงเกษตรของนายสมปลอด พูลสมบัติ เกษตรกรและกลุ่มผู้ใช้น้ำผู้รับประโยชน์จากโครงการอ่างเก็บน้ำยางชุมฯ และรับฟังแนวทางในการจัดทำแปลงเกษตร และการบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่โครงการ พร้อมกับชมแปลงเกษตรบนพื้นที่ 9 ไร่ ซึ่งนายสมปลอด ได้น้อมนำแนวพระราชดำริการทำเกษตรทฤษฏีใหม่ และหลักบันได 9 ขั้น สู่ความพอเพียง ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาปรับใช้ในพื้นที่ของตนเอง โดยปลูกสวนผลไม้ผสมผสาน เช่น แก้วมังกร ทุเรียน เงาะ ชมพู่  พืชผักสวนครัว พืชสมุนไพร และเลี้ยงไก่ไข่ โดยขุดสระเก็บน้ำสำหรับเลี้ยงปลานิลและปลาตะเพียน ทำให้มีรายได้หมุนเวียนตลอดทั้งปี รวมถึงการปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ซึ่งเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต ปัจจุบันชีวิตมีความสุข มีภูมิคุ้มกันที่ดี  พอเพียงและพอใจที่เป็นต้นแบบของการแบ่งปัน และการเกื้อกูลกันในชุมชนอีกด้วย

                  ต่อมาในช่วงบ่าย พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรีและคณะฯ เดินทางไปยังโครงการอ่างเก็บน้ำยางชุมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รับฟังบรรยายสรุปภาพรวมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง และในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  สรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตลอดจนผลสัมฤทธิ์ของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำยางชุมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งก่อสร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานพระราชดำริ ไว้เมื่อปี 2546 ให้พิจารณาเพิ่มปริมาณการเก็บกักของอ่างเก็บน้ำยางชุม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ป่ากุยบุรี ตลอดจนส่งน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ

                     โดยกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันดำเนินงานสนองพระราชดำริ นับเป็นโครงการเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำตามแนวพระราชดำริแห่งแรก ที่เป็นต้นแบบการเพิ่มการกักเก็บน้ำ จากเดิมมีความจุ  32.00 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 41.10 ล้านลูกบาศก์เมตร  ส่งผลให้เป็นแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกรวมทั้งอุปโภคบริโภคในพื้นที่ชลประทาน 20,300 ไร่ อีกทั้งช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในบริเวณลุ่มน้ำกุยบุรี และช่วยผลักดันน้ำเค็มในคลองกุยบุรีในช่วงฤดูแล้ง รวมทั้งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้กับประชาชน โอกาสนี้ องคมนตรีและคณะฯ ได้เยี่ยมชมทัศนียภาพบริเวณสันเขื่อนโครงการฯ และร่วมปล่อยปลานิล ปลาตะเพียน  เพื่อเป็นแหล่งอาหารโปรตีนสูง และแหล่งรายได้เสริมด้านการทำประมงน้ำจืดให้กับราษฎรในพื้นที่

                  จากนั้นในช่วงเย็นเดินทางไปยังโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รับฟังบรรยายสรุปความเป็นมาและรายงานสรุปผลการดำเนินงานสนองพระราชดำริ จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตลอดจนหน่วยงานเกี่ยวข้องซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้มีพระราชดำริ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2542 สรุปความว่า “…ช้างป่าควรอยู่ในป่า เพียงแต่ต้องทำให้ป่านั้นมีอาหารช้างให้เพียงพอ การปฏิบัติคือ ให้ไปสร้างอาหารในป่าเป็นแปลงเล็ก ๆ …  ”

                             โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สนองพระราชดำริ มาอย่างต่อเนื่อง และในปี 2563 ได้ดำเนินการจัดหาและรวบรวมพืชอาหารช้าง (พันธุ์ไผ่ท้องถิ่น) จำนวน 30,000 กล้า ปรับปรุงแหล่งน้ำสำหรับสัตว์ป่า ขนาด 1,000 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 3 แห่ง ปรับปรุงแหล่งอาหารสัตว์ป่า (โป่งเทียม) จำนวน 20 แห่ง พร้อมทดลองทำชุดรั้วรังผึ้งสาธิต พร้อมอุปกรณ์ติดตั้ง จำนวน 3 ชุด เพื่อช่วยเพิ่มแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร และที่อยู่อาศัยของช้างป่าและสัตว์ป่าอื่น ๆ ส่งผลให้ช้างป่าไม่ออกจากป่ามากินพืชผลการเกษตรของราษฎร ลดการกระทบกระทั่งระหว่างคนกับช้างป่า นอกจากนี้ราษฎรยังได้มีส่วนร่วมในการดำเนินงาน ก่อเกิดจิตสำนึกในการอนุรักษ์ช้างป่าและสัตว์ป่า ตลอดจนทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ

                          โอกาสนี้ องคมนตรี ได้ร่วมปลูกต้นมะริด เพื่อสร้างร่มเงาและรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผืนป่า จากนั้นได้พบปะพูดคุยกับกลุ่มราษฎร บ้านรวมไทย ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ ฯ ได้แก่ กลุ่มการท่องเที่ยวและโฮมสเตย์ กลุ่มกระดาษจากใบสับปะรดและมูลช้างป่ากุยบุรี พร้อมกันเยี่ยมชมกิจกรรมรั้วรังผึ้งเพื่อป้องกันช้างป่า

อย่าลืม!!!

ติดตามข่าวสารจาก Face book : Prachuppost Newspaper

?กดติดดาว ⭐️ เพจ …จะได้ไม่พลาดโพสต์ของเรา…ได้ที่นี่

https://www.facebook.com/prachuappost/
https://www.facebook.com/prachuppost/

***กดเข้ากลุ่ม ???? กับ ประจวบโพสต์นิวส์ ได้ที่นี่

https://www.facebook.com/groups/387550115078888/

Website: http://www.prachuppostnews.com/

…………………………………………………………………………