ทช.ลงพื้นที่หมู่เกาะทะลุ ยันปะการัง”โผล่ตากแห้ง” ช่วงน้ำลงต่ำเกิดอาการป่วย

ติดตามข่าว ประจวบโพสต์
  • 18
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
    18
    Shares

ทช.ลงพื้นที่หมู่เกาะทะลุ ยันปะการัง”โผล่ตากแห้ง” ช่วงน้ำลงต่ำเกิดอาการป่วย

                   อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) ส่งนักวิชากรลงหมู่เกาะทะลุ ภายหลังสื่อมวลชนนำเสนอปรากฏการณ์ธรรมชาติน้ำทะเลลดต่ำ   ส่งผลปะการังโผล่ รวมทั้งการฟอกขาวและแนวปะการังเสื่อโทรม ล่าสุดนักวิชาการยอบรับ”ปะรังโผล่ตากแห้ง”ตากแห้งจนเกิดสภาวะอ่อนแอและเจ็บป่วยจนฟอกขาว  เตรียมประกาศใช้มาตรา 17 ขายจากเกาะทะลุ-เกาะสิงห์ และเกาะสังข์  หวังให้ปะการังได้ฟื้นตัว

                   วันที่ 22 มิถุนายน 2561 นายบรรณรักษ์ เสริมทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 เพชรบุรี ,นางสาวทิพามาศ อุปน้อย ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อ่าวไทยตอนกลาง( ชุมพร)  นายวรรณ ชาตรี ผอ.ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 ประจวบคีรีขันธ์  พร้อมผู้ประกอบการนำเที่ยวหมู่เกาะทะลุ ได้ลงเรือทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เข้าตรวจสอบสภาพพื้นที่บริเวณ เกาะทะลุ เกาะสิงห์ และเกาะสังข์ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์   หลังจากเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติน้ำทะเลลดลงต่ำสุดระหว่างวันที่ 15-18 มิถุนายน ตามที่สื่อมวลชนได้เผยแพร่ภาพปะการังหลากหลายชนิดโผล่เป็นแนวยาวตั้งแต่อ่าวมุก อ่าวใหญ่ อ่าวเทียน   รวมทั้งกรณีที่มีการนำเสนออย่างต่อเนื่องทั้งประเด็นการฟอกขาว และปะการังเสื่อโทรมที่เกาะสิงห์ และเรียกร้องให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) ลงมาตรวจสอบทางวิชาการในการที่จะให้มีการประกาศใช้มาตรา 17 ที่เกาะสิงห์  เพื่อให้แนวปะการังที่มีความเสียหายได้มีโอกาสฟื้นฟู

 

                     ซึ่งเบื้องต้นขณะนี้สภาพของน้ำได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้วตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา นอกจากนั้นแล้วสภาพของทั้งทุ่นไข่ปลา และทุ่นสำหรับผู้เรือที่นำนักท่องเที่ยวมาดำน้ำในหมู่เกาะทะลุ ก็ยังพบว่ายังอยู่ในสภาพที่แข็งแรง ซึ่งในส่วนที่มีการชำรุด ทาง ทช.ก็จะร่วมกับผุ้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเร่งซ่อมแซมต่อไป

                     อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้น  นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) ,นายโสภณ ทองดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) ก็มีความเป็นห่วงและไม่ได้นิ่งนอนใจ   จึงให้หน่วยงานของ กรม ทช.ในพื้นที่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร ลงมาตืดตามและรายงานให้ทางส่วนกลางได้รับทราบ

                   โดยในวันนี้หลังดูสภาพพื้นที่ของเกาะทั้ง 3 แห่งแล้ว นายบรรณรักษ์ เสริมทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 เพชรบุรี และนักวิชาการ กรม ทช.เตรียมที่จะกำหนดวันที่จะมีการลงพื้นที่ดำสำรวจทั้งบริเวณหมู่เกาะทะลุ  อีกครั้งตามที่สื่อมวลชนนำเสนอว่ามีความเสื่อมโทรมและมีสาหร่ายปกคลุมปะการังบางส่วน รวมทั้งบริเวณจุดที่พบว่ามีปะการังดอกไม้ทะเล เกิดการฟอกขาวที่บริเวณด้านท้ายของเกาะทะลุคือบริเวณปลายหาง และร่องรอยความเสียหายที่เกิดจากการทิ้งสมอเรือ รวมทั้งในจุดอื่นๆด้วย

                       โดยในวันที่ 25 มิถุนายน นี้ได้เชิญผู้ประกอบการนำเที่ยวหมู่เกาะทะลุ มาร่วมประชุมชี้แจงทำความเข้าใจถึงปรากฏการณ์น้ำทะเลลดต่ำสุด และสถานภาพของแนวปะการังหมู่เกาะทะลุที่เสื่อมโทรม พร้อมสอบถามความคิดเห็นในกรณีที่ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) จะเสนอประกาศใช้มาตรา 17 พรบ.ทช.2558เพิ่มเติมจากเกาะทะลุ  มาถึงเกาะสิงห์ และเกาะสังข์ ก่อนที่จะสิ่งเรื่องให้ทางอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.)ลงนามในประกาศดังกล่าวต่อไป

                    ขณะเดียวกันนางสาวทิพามาศ อุปน้อย ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อ่าวไทยตอนกลาง( ชุมพร)  กล่าวว่าการการที่น้ำทะเลลดลงต่ำสุดที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเรื่องสภาพปกติของธรรมชาติ แน่นอนที่สุดครั้งนี้”ปะการังก็โผล่ตากแห้ง” ค่อนข้างนาน อาจเกิดสภาวะอ่อนแอและแสดงอาการ”ฟอกขาว” ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2553 ก็เกิดปะการังฟอกขาวมาแล้ว และมามี2559 และมาในปีนี้  สาเหตุมาจากทั้งปัจจัยทั้งอุณหภูมิของน้ำที่ค่อนข้างสูง   เกิดจากสภาพน้ำจืดที่ไหลลงมามาก   การท่องเที่ยว แลชะอีกหลายอย่างนั้น ซึ่งในฐานะที่เป็นนักวิชาการ แสดงความเห็นว่าหากมีการประกาศใช้มาตรา 17 บางเกาะเพิ่มเติมก็จะจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้มีการฟื้นตัวของแนวปะการังทั้งที่ฟอกขาวและเสื่อโทรมกลับมาได้

                 ด้านนายประจักษ์ ทองรัตน์ เจ้าของเรือนำเที่ยว กิ๊ก ไดฟ์วิ่ง ทัวร์ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า    หาก กรม ทช.จะประกาศใช้มาตรา 17 เพิ่มเติมจากเกาะทะลุ มาถึงเกาะสิงห์ และเกาะสังข์  ก็เห็นด้วยเพราะหากประกาศแล้ว จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ทรัพยากรธรรมชาติในท้องทะเล โดยเฉพาะปะการังได้มีโอกาสพลิกฟื้น  และต้องยอมรับว่าการท่องเที่ยวก็ต้องเดินควบคู่ไปกันกับการอนุรักษ์

ประจวบโพสต์นิวส์ / prachuppostnews    

  • 18
    Shares