คุม ‘บูม บิทคอยน์’ ฝากขังผัดแรก กองปราบฯ จ่อออกหมายจับเพิ่ม 5-6 ราย

ติดตามข่าว ประจวบโพสต์
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

คุม ‘บูม บิทคอยน์’ ฝากขังผัดแรก กองปราบฯ จ่อออกหมายจับเพิ่ม 5-6 ราย

วันที่ 10 ส.ค.2561 ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำกำลังจับกุมตัวนาย จิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต (จาระวิจิต) หรือ บูม อายุ 27 ปี นักแสดงจากซีรี่ย์เรื่องหนึ่ง ที่บริเวณชั้น 2 ห้างเมเจอร์รัชโยธิน ถ.พหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.ขณะที่กำลังถ่ายทำละครเรื่องใหม่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1694/2561 ลง 26 ก.ค.61  ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน หลังถูกผู้เสียหายชาวต่างชาติเข้าแจ้งความเอาผิดว่าถูกหลอกลงทุนสกุลเงินดิจิตอล มูลค่าความเสียหายกว่า 700 ล้านบาท นอกจากนี้ตำรวจกองปราบปราม ยังออกหมายจับ นายปริญญา จารวิจิต และ น.ส.สุพิชย์ฌา จารวิจิต พี่ชายและพี่สาวของนายบูม ในข้อหาเดียวกัน

ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น.ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร.ต.อ.ศุภชัย ชาติมนตรี รอง สว.สอบสวน กก.1 บก.ป.ได้เบิกตัว นายจิรัชพิสิษฐ์ ออกจากห้องคุมขัง เพื่อนำตัวส่งฝากขังผัดแรกยังศาลอาญา โดยก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวนายจิรัชพิสิษฐ์ ไปฝากขังนั้น ได้มีกลุ่มเพื่อนเดินทางเข้าเยี่ยมและพูดคุยนายจิรัชพิสิษฐ์ ที่บริเวณหน้าห้องควบคุม  เจ้าตัวมีสีหน้าที่วิตกกังวล ทั้งนี้ในการถูกควบคุมตัวสอบสวนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา นายจิรัชพิสิษฐ์ ยังคงให้การปฎิเสธ และยืนยันตามคำให้การเดิม คือ ไม่มีส่วนรู้เห็น โดยอ้างว่าบัญชีดังกล่าวถูกพี่ชายนำไปใช้ อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีมูลค่าความเสียหายสูง เกรงจะหลบหนี

พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. กล่าวว่า น.ส.สุพิชย์ฌา อีก 1 ผู้ต้องหาในคดีเดียวกัน และเป็นพี่สาวของนายจิรัชพิสิษฐ์ นั้น เบื้องต้นได้มีการประสานผ่านคนกลางติดต่อเข้ามาเพื่อขอสอบถามเรื่องการเข้ามอบตัว และรายละเอียดเกี่ยวกับหลักทรัพย์ในการขอยื่นประกันตัว แต่ยังไม่ได้มีการระบุวันเวลาสถานที่ในการเข้ามอบตัว  และจากการตรวจสอบยังไม่พบข้อมูลว่า น.ส.สุพิชย์ฌา หลบหนีออกนอกประเทศ

พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป.กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวน เจ้าหน้าที่ ยังพบข้อมูลมากพอที่เชื่อว่าน่าจะสามารถออกหมายจับเพิ่มผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้อีกประมาณ 5 – 6 คน ในข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์” ซึ่งทั้งหมดยืนยันว่าไม่ใช่คนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แต่อย่างใด ขณะที่ในส่วนของตัว นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ บุคคลที่มีชื่อเสียงในตลาดหลักทรัพย์ ที่ได้เดินทางมาเข้าพบเมื่อวานที่ผ่านมา (9 ส.ค.) เป็นการเข้าชี้แจ้งที่เรื่องราวดังกล่าว โดยอ้างว่าตนเองตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้เช่นเดียวกัน แต่จากการสืบสวน รวบรวมหลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อมูลที่เชื่อได้ว่า นายประสิทธิ์อาจจะมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จากการตรวจสอบบริษัททั้ง 3 แห่ง ที่กลุ่มผู้ต้องหาหลอกให้ผู้เสียหายซื้อหุ้นร่วมลงทุน ซึ่งมีการเปิดทั้งในประเทศไทย และที่ฮ่องกง พบว่านายปริญญา ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าวจริง อีกทั้งจากการตรวจสอบทะเบียนการค้าทั้ง 3 บริษัท ยังพบว่ามีคนในตระกูลจารวิจิตร เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย และบางบริษัทที่มีการแอบอ้างกับผู้เสียหายนั้นไม่มีตัวตนจริง นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าวอีกหลายบริษัท ซึ่งตำรวจกองปราบปรามอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่า นายปริญญา เคยมีประวัติถูกออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ ในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร ด้วย

ประจวบโพสต์นิวส์ / Prachuppostnews