สุรินทร์-กองทัพแมงอีนูน บุก!! ต้นยอ ชาวบ้านเมืองช้างแห่จับขายเป็นเมนูเปิปเด็ด สุดแซบ กิโลละ 100

ติดตามข่าว ประจวบโพสต์
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

สุรินทร์-กองทัพแมงอีนูน บุก!! ต้นยอ ชาวบ้านเมืองช้างแห่จับขายเป็นเมนูเปิปเด็ด สุดแซบ กิโลละ 100

 

วันนี้ (6 มิ.ย.61) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านโคกยาง หมู่ที่ 13 ตำบลทับทัน อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ว่า มีกองทัพแมงอีนูน หรือแมงกีนูน จำนวนมากนับหลายพันตัวออกมาหากัดกิน ใบยอ และยอดอ่อน เสียหายอย่างหนัก จนชาวบ้านทราบข่าวต่างพากันมาช่วยจับแมงอีนูน พลิกวิกฤติเป็นโอกาส จับขายกิโลกรัมละ 100 บาท ส่งร้านอาหารทำเป็นเมนูเปิดพิสดารสุดแซบ และนำไปประกอบอาหารทอดกรอบ กลายเป็นเมนูอาหารอร่อยจากธรรมชาติตามฤดูกาลในช่วงต้นฝน เรียกได้ว่าหนึ่งปีมีครั้งเดียว

 

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังบ้านของนายบุญ มะลิ อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 บ้านโคกยาง หมู่ที่ 13 ตำบลทับทัน อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์  พบว่าในช่วงหัวค่ำมีแมงอีนูน หรือแมงกีนูน มาเกาะกินใบต้นยอที่ปลูกไว้ใกล้บ้านเป็นจำนวนมากบิน โดยพากันเกาะกินจนอิ่มแล้วบินไปหลบซ่อนตัวที่อื่น และพอค่ำมืดวันต่อมาก็จะพากันบินมาเกาะกัดแทะกินอีกจนใบหมดเกลี้ยงหมดทั้งต้น

 

โดยวันนี้นายบุญ มะลิ  และครอบครัว  ได้พากันนำอุปกรณ์จับแมลง ประกอบด้วย ไฟฉาย, ตาข่ายพลาสติกที่ใช้จับปลา, ถังพลาสติกใส่น้ำ ไปจับแมงอีนูนบนต้นยอ ซึ่งกำลังมีแมงอีนูนบินมาเกาะกินใบยออยู่เป็นจำนวนมากนายบุญ มะลิ  อายุ 73 ปี กล่าวว่า เมื่อจับแมงอีนูนได้แล้วต้องเอาแช่น้ำไว้ 1 คืน เพื่อให้แมลงขับถ่ายปล่อยของเสียออกมาจนหมด  จากนั้นจึงนำมาทอดกับน้ำมันพืชปรุงด้วยเกลือเล็กหน่อย เติมด้วยเครื่องปรุงอื่นเพื่อเพิ่มรสชาติตามใจชอบ กลายเมนู “แมงอีนูนทอดกรอบ” รสชาติอร่อย หรือนำไปตำน้ำพริกแมงอีนูนจะทำให้ได้น้ำพริกแซบ รับประทานกับข้าวอร่อยแปลกไม่แพ้น้ำพริกทั่วไป

 

ทั้งนี้ “แมงอีนูน” หรือแมงกีนูน เป็นแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง จัดเป็นแมลงศัตรูพืช เพราะกัดแทะใบของพืชที่เป็นพืชเศรษฐกิจ เช่น มะขามเทศ, มะขาม, อ้อย, มันสำปะหลัง, พุทรา มีวงจรชีวิตเป็นหนอนอยู่ใต้ดินนานนับปี ก่อนจะเข้าสู่ระยะดักแด้และเป็นตัวเต็มวัยในช่วงต้นฤดูฝนของทุกปี ซึ่งจะพบแมงอีนูนเป็นจำนวนมากในเวลานี้ และแมงอีนูนจัดเป็นอาหารรับประทานในวิถีชีวิตของชาวเหนือและชาวอีสาน อีกทั้งยังเป็นการกำจัดแมลงศัตรูพืช โดยการจับแมงอีนูนจะกระทำในช่วงตั้งแต่เวลาหัวค่ำเป็นต้นไป

ภาพ/ข่าว วรพันธ์ ศิริดี ผู้สื่อข่าวสุรินทร์นิวส์

(ชมคลิปประกอบ)